ทำบุญ 100 วัน
เกณฑ์การนับ 50 วัน 100 วัน
ตามหลักพระพุทธศาสนา
ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ สวรรคตวันที่ 13 ตุลาคม 2559 นับเป็นวันที่ 1
ครบรอบ 50 วัน ปัญญาสมวาร วันที่ 1 ธันวาคม 2559
ครบรอบ 100 วัน ศตมวาร วันที่ 20 มกราคม 2560
ความรู้การจัดงานทำบุญ 7วัน 50วัน 100วัน
ทำบุญอุทิศกุศลต้องรู้ว่า
"ทำบุญให้คนที่รัก...ต้องทำอย่างไร ?"
การทำบุญอุทิศฯไม่ใช่แค่ทำให้ตนสบายใจ แต่ต้องทำให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญจริง
ความตายไม่ใช่เพียงการจบสิ้นการดำเนินชีวิต แต่เป็นจุดเริ่มต้นสู่การเดินทางอีกภพภูมิหนึ่งในวัฏสงสารคือสุคติภูมิหรือทุคติภูมิ เพราะตราบใดบุคคลนั้นๆยังไม่สิ้นกิเลสอาสวะ ยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน ยังประกอบกุศลและอกุศลกรรมอยู่ ตราบนั้นเมื่อละโลกแล้วกายละเอียด(วิญญาณ)ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในสองภพภูมิคือสุคติ (ภูมิที่ไปเสวยสุขจากผลบุญ) และทุคติ (ภูมิที่ไปเกิดมีความทุกข์ชดใช้ผลบาป) ดังนั้นสิ่งที่ครอบครัว พ่อแม่ สามีภรรยา ลูกหลาน ญาติ ต้องช่วยทำให้ผู้วายชนม์ (ผู้ตาย) นอกเหนือจากการประกอบพิธีสวดอภิธรรม 7 วัน มีดังนี้
1. ช่วยผู้วายชนม์ให้ระลึกถึงบุญในอดีต เมื่อกายละเอียดหลุดออกจากกายหยาบคือสังขารที่แตกดับไป กายละเอียดจะกลับไปหาบุคคลหรือสถานที่ที่ผูกพัน เช่นบ้าน ที่ทำงาน จึงควรนำภาพที่ผู้ตายเคยประกอบกรรมดี เช่น บุญบวช บุญสนับสนุนการบวช บุญกฐิน บุญผ้าป่า บุญถวายสังฆทาน บุญถวายภัตตาหาร บุญสร้างองค์พระ บุญสร้างศาสนสถาน บุญถ่ายชีวิตสัตว์ บุญสังคมสงเคราะห์ต่างๆ ภาพถ่ายหรือสื่อที่เกี่ยวเนื่องการทำความดีต่างๆ นำมาติดตั้งในจุดที่ผู้วายชนม์คุ้นเคย เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องโถงในบ้าน เพราะเมื่อกายละเอียดได้ระลึกถึงความดีที่เคยทำจะช่วยคลายความเศร้าหมอง ดวงจิตจะสุขสว่างในกุศลกรรม
2. ช่วยดูแลครอบครัวและกิจการไม่ให้บกพร่อง โดยทั่วไปผู้วายชนม์จะมีห่วงอยู่สองเรื่องใหญ่ๆ คือ ความเป็นอยู่ของครอบครัว และกิจการงานการบริษัท ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือความรักความสามัคคีในครอบครัว ไม่ทะเลาะแตกแยกแก่งแย่งให้ผู้ตายร้อนใจ ช่วยเหลือกิจการงานการให้เจริญก้าวหน้าต่อไป การร้องไห้อาลัยเป็นเรื่องปกติในช่วงแรกของครอบครัว แต่ต้องรีบกลับมามีสติตั้งมั่น เพราะน้ำตาและความเศร้ายิ่งกลับทำให้กายละเอียดหดหู่ไม่เป็น และฉุดรั้งให้จมปลักไม่ให้ได้ไปเกิดที่ๆควร
3. ช่วยทำบุญอุทิศบุญกุศลให้ผู้วายชนม์ ด้วยการทำทาน อาราธนารักษาศีล และปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาอุทิศกุศลให้ผู้ตายอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ตายไม่ได้อยู่ในสภาวะการทำบุญเองได้อีกต่อไป บุญที่ผู้ตายจะได้จึงเกิดจากการได้รับการอุทิศกุศลและอนุโมทนาในบุญกุศลเท่านั้น
4. ช่วยจัดงานทำบุญนิมนต์พระสวดพระพุทธมนต์ให้ผู้วายชนม์ การทำบุญในวาระ 7 วันแรกสามารถทำได้ในระหว่างการตั้งสวดอภิธรรมที่วัด ด้วยการถวายมตกภัตตาหารและบังสุกุลอุทิศกุศลให้ผู้ตายทุกวัน แต่สำหรับการทำบุญในวาระ 50 วัน และ 100 วัน ควรนิมนต์พระมาสวดธรรมนิยามที่บ้านผู้วายชนม์ เพราะบ้านคือที่ผู้ตายผูกพัน การจัดที่บ้านก็เพื่อมุ่งหวังให้กายละเอียดหรือวิญญาณผู้ตายได้อยู่ในพิธีเพื่อรับบุญกุศลด้วยตัวท่านเอง
“เดชะบุญ” ให้คำแนะนำและบริการจัดศาสนพิธีงานทำบุญอุทิศกุศลในวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน ทั้งที่วัดหรือบ้านอย่างถูกต้องครบถ้วน ด้วยวิทยากรที่พร้อมมอบความรู้และธรรมะให้ครอบครัวสามารถส่งผลบุญถึงผู้วายชนม์ได้จริง วัตถุประสงค์การทำบุญอุทิศกุศลไม่ใช่ทำเพียงตามประเพณีหรือครอบครัวญาติมิตรสะดวก แต่เป้าหมายคือต้องทำให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญ สอบถามเพิ่มเติมที่ คุณวิสิทธิ์ / เดชะบุญ 0924867766, 0898135885
ขั้นตอนทำบุญอุทิศกุศล 7 50 100 วัน
การทำบุญในทั้งสามวาระนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำบุญอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ซึ่งสอดคล้องกับการเดินทางของผู้ตายทั้งสามวาระดังนี้
1.ทำบุญสัตตมวาร สวดอนัตตลักขณะสูตร ในวาระครบรอบ 7 วัน ในกรณีที่ผู้ตายไปแล้วเป็นผู้ที่ทำกรรมดีและชั่วไม่มากพอ บุญบาปที่ตนทำในโลกนี้ยังไม่ส่งผลในทันที ผู้ตายจะวนเวียนอยู่ 7 วันเพื่อให้มีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลได้ ก่อนที่รอเจ้าหน้าที่จะพาตัวไปยมโลกนรก หากผู้ตายระลึกถึงบุญกุศลที่ตนเคยทำได้ หรือ หากญาติมิตรทำบุญอุทิศให้อย่างถูกวิธี และผู้วายชนม์ได้อนุโมทนาบุญ ผลบุญนั้นก็จะพาไปเกิดในที่ดีๆ โดยไม่ต้องไปยมโลกนรก อุสสทนรก หรือ มหานรก 2.ทำบุญปัญญาสมวาร สวดอาทิตตปริยายสูตร ในวาระครบรอบ 50 วัน
เมื่อครบรอบวันตาย 50 วัน ในกรณีที่ผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ยมโลกพาไปยมโลกแล้ว ช่วงระหว่างเวลา 50 วันหลังตาย คือช่วงเวลาที่ผู้ตายกำลังรอคอยลำดับการพิพากษาตั้งแต่ถูกลากตัวไปจากมนุษย์โลก ผ่านประตูยมโลก อยู่หน้าลานรอขานชื่อเพื่อเข้าพบพระยายมราช
3.ทำบุญศตมวาร สวดธัมมนิยามสูตร ในวาระครบรอบ 100 วัน เมื่อครบรอบวันตาย 100 วัน ช่วงเวลาระหว่าง 51 ถึง 100 วัน คือช่วงกำลังถูกพิพากษา พระยายมราชจะซักถามความประพฤติตอนสมัยเป็นมนุษย์ และจะส่งไปเกิดตามกำลังบุญและบาป เช่น ไปเกิดในยมโลก อุสสทนรก และมหานรก ไปเป็นมนุษย์ เทวดา เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน ตามกรรมที่ปรากฏเป็นภาพหน้าบัลลังก์ของพระยายมราช ช่วงนี้ถ้าญาติอุทิศบุญให้ก็ยังรับบุญได้
ดังนั้นการทำบุญทั้งสามวาระให้ผู้วายชนม์จึงไม่ใช่เพียงคุณค่าการทำตามประเพณีนิยม แต่คือคุณค่าการอุทิศผลบุญให้ผู้เป็นที่รักเมื่อวายชนม์แล้วได้รับการอุทิศบุญที่เกื้อหนุนต่อการเดินทางสู่สุคติภูมิ สอบถามการจัดงานทำบุญ50วัน ทำบุญ100วัน เพิ่มเติมที่
วิสิทธิ์ คุณนิรันดร/ เดชะบุญ 089-8135885, 082-6516246
หรือสอบถามทางline (สแกน QR Code แล้วติดต่อทางไลน์)
ความหมายทำบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วัน ให้ผู้วายชนม์ การทำบุญอุทิศให้ผู้ตายในวาระครบรอบวัน นิยมกระทำใน 3 วาระ คือ ครบรอบ 7 วัน เรียกว่า ทำบุญสัตมวาร ครบรอบ 50 วัน เรียกว่า ทำบุญปัญญาสมวาร และครบรอบ 100 วัน เรียกว่า ทำบุญศตมวาร 1. ทุกสรรพชีวิต มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
2. จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไปจิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป
3. ความหมายระยะเวลา 100 วันคือช่วงเวลาให้ผู้วายชนม์ได้มีโอกาสระลึกบุญ ก่อนการพิพากษาบุญบาปสู่สุคติหรือทุคติ ดังนั้นความหมายที่กำหนดให้ทำบุญในระยะ 100 วันนี้จึงหมายถึงการเพิ่มพูนบุญให้ผู้วายชนม์ก่อนการพิพากษา ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนการทำบุญหลัง 100 วัน เป็นการทำต่างกรรมต่างวาระ คือเป็นการอุทิศบุญให้ไปในภพภูมิที่กายละเอียดไปอยู่ในภพภูมินั้นๆแล้ว ดังนั้นเพื่อประโยชน์ต่อผู้วายชนม์จึงควรทำบุญให้ท่านเมื่อครบ 100 วันหรือก่อน 100 วันก็ได้
4. การนับวัน ให้นับวันที่เสียชีวิตเป็นวันที่หนึ่ง นับต่อเนื่องโดยไม่ต้องบวกทอนวันใดๆทั้งสิ้น เช่น เสียชีวิตวันที่ 1 สิงหาคม ก็ให้นับเป็นวันที่หนึ่ง ดังนั้นครบเจ็ดวันคือวันที่ 7 สิงหาคม ครบ50วันคือวันที่ 19 กันยายน และครบ100วันคือวันที่ 8 พฤศจิกายน เป็นต้น การนับวันที่ถูกต้องทำให้ครอบครัวสามารถเตรียมงานล่วงหน้าได้ทันการ
5. ตลอดวาระ 100 วัน ครอบครัวควรทำบุญอย่างต่อเนื่องทุกๆวัน ด้วยการตั้งใจทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาปฏิบัติธรรมสวดมนต์นั่งสมาธิ และอุทิศบุญเพื่อเพิ่มพูนบุญให้ผู้วายชนม์ได้ร่วมอนุโมทนาสู่สุคติภูมิได้ในทุกๆวัน
6. แม้นหลังครบ 100 วัน ก็ยังควรทำบุญต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอให้ผู้วายชนม์ บุคคลที่มีความกตัญญูกตเวที ย่อมตอบแทนพระคุณท่านทั้งวันที่มีชีวิตและละโลกแล้ว อย่าปล่อยให้วันเวลากลืนกินความรักและความทรงจำที่ดีต่อบุพการีหรือบุคคลที่เรารักและเคารพ
7. "นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ, กตญฺญูกตเวทิตา" ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี พ่อแม่ทุกคนรักและเป็นห่วงอาวรณ์ลูกทุกคนตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตท่าน ลูกๆพึงตอบแทนพระคุณพ่อแม่จวบจนลมหายใจสุดท้ายของตนเอง
8. มนุษย์เป็นเพียงภพภูมิเดียวที่สามารถประกอบบุญและอุทิศบุญได้ ผู้ละโลกสู่สุคติภูมิและทุคติภูมิไม่สามารถประกอบบุญได้ด้วยตนเอง แต่สามารถอนุโมทนาบุญและรับบุญที่อุทิศได้ตามอัตภาพ ดังนั้นเมื่อมีชีวิตอยู่ต้องหมั่นทำความดีสร้างบุญกุศล อย่าไม่ประมาทในวัย ฐานะ สังขาร สุขภาพ หรือสถานภาพ อย่ารอทำบุญเมื่อเกิดทุกข์หรือป่วยหนักเพราะอาจสายเกินไปที่จะได้ทำ
9. บุคคลที่มีความสามารถอาจแสวงหาทรัพย์เป็นหลักประกันของชีวิตได้ในปัจจุบัน แต่บุคคลที่ไม่ประมาทย่อมแสวงหาทั้งโลกีย์ทรัพย์และอริยทรัพย์เป็นหลักประกันชีวิตทั้งภพนี้และภพหน้า ดังนั้นบุคคลจงอย่าประมาทในวัยว่ายังหนุ่มสาว จงอย่าประมาทในฐานะว่ามีทรัพย์ จงอย่าประมาทในสุขภาพว่าแข็งแรง จงอย่าประมาทในชื่อเสียงว่าสูงส่ง เพราะไม่ว่าอายุ ฐานะ สุขภาพ ชื่อเสียง ล้วนไม่จีรังยั่งยืน ดังนั้นจงเร่งสร้างกรรมดีให้ติดตัว เพราะมีแต่บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งได้ในสัมปรายภพ
10. ในทางโลก ทรัพย์ที่หาได้ย่อมเป็นของตน สามารถหยิบจ่ายใช้สอยอย่างมีความสุข แต่หากไม่มีทรัพย์ก็ต้องรอคอยหรือหยิบยืมจากผู้อื่น ฉันใดก็ฉันนั้น ในทางธรรม บุญกุศลความดีที่กระทำแล้ว ย่อมสามารถนำสุขมาให้ในสัมปรายภพ โดยไม่ต้องรอคอยใครมาอุทิศกุศลให้ ทาน ศีล ภาวนา จึงเป็นหลักประกันชีวิตที่มีค่าทั้งปัจจุบันและภายภาคหน้า
11. ความปรารถนาในใจสามประการของพ่อแม่ ประการที่หนึ่ง เมื่อแก่เฒ่าหวังเจ้าเฝ้ารับใช้ ประการที่สอง เมื่อเจ็บไข้หวังเจ้าเฝ้ารักษา ประการที่สาม เมื่อถึงคราววายชีวาหวังเจ้าเฝ้าปิดตา
12. "ปุพเพเปตพลี" หรือ "การทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ตาย" เริ่มมีมาในครั้งพุทธกาลสมัยที่พระเจ้าพิมพิสารสร้างวัดเวฬุวันถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมสัมพุทธเจ้า แต่พระองค์ยังไม่กรวดน้ำอุทิศบุญให้พระญาติของพระองค์ที่ล่วงลับไปแล้ว ตกเย็นมาเหล่าเปรตที่เคยเป็นพระญาติของพระองค์ในชาติก่อนๆ ก็มาปรากฏให้เห็นในพระสุบินหรือความฝัน พระเจ้าพิมพิสารก็ตกพระทัยกลัว รุ่งเช้าเสด็จไปที่วัดถวายภัตตาหารและทูลความฝันนั้นให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า เปรตเหล่านั้นเป็นพระญาติของพระองค์ในชาติก่อน มาปรากฏให้เห็นเพื่อที่จะขอส่วนบุญจากพระองค์ ลำดับนั้นพระเจ้าพิมพิสารก็ได้กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญที่พระองค์ได้ทำให้แก่ญาติที่เป็นเปรตเหล่านั้น จนเป็นธรรมเนียมของการกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไปให้แก่ผู้ตายของชาวพุทธเราจวบจนปัจจุบันนี้
ดังนั้น เมื่อบุคคลนึกถึงคุณความดีของผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็ควรทำบุญอุทิศให้ผู้ตายโดยเฉพาะพ่อแม่พี่น้องหรือญาติๆ ที่มีอุปการคุณแก่เรา บุคคลควรตอบแทนบุญคุณท่านด้วยการทำบุญไปให้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสามี ภรรยา บุตรหลาน ที่พึงกระทำเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว อันเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการีหรือผู้มีพระคุณ
นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ, กตญฺญูกตเวทิตา,
ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี บันทึกโดย วิสิทธิ์ คุณนิรันดร กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ได้ถ่ายทอดธรรมะ มา ณ ที่นี้ เดชะบุญยินดีมอบธรรมทาน ขอรับการปรึกษาการทำบุญอุทิศกุศล 7-50-100 วัน ได้ทุกวันที่ ศาสนพิธีกร/วิทยากร "วิสิทธิ์ คุณนิรันดร" โทรหมายเลข 0898135885, 0826516246
เรื่องต้องรู้หลังความตาย โลกนี้มี โลกหน้ามี ภพภูมิรองรับมี เป็นสากลทุกชนชาติ ทุกเผ่าพันธ์ ทุกความเชื่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นผู้รู้แจ้งด้วยอริยสัจ 4 ด้วย ญาณทัสสนะ ได้ตรัสในอุปปาทบาทสูตรว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม ธาตุนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดาก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยงครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้เข้าใจง่ายว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม ธาตุนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้เข้าใจง่ายว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตามธาตุนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ครั้นแล้วจึงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้เข้าใจง่ายว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ฯ ในอปัณณกสูตร พุทธดำรัสตอบ “..... ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์สองพวกนั้น สมณพราหมณ์ที่มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่าทานที่ให้แล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วแล้วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี อุปปาติกสัตว์ไม่มี สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลกดังนี้ เป็นอันหวังข้อนี้ได้คือ จักเว้นกุศลธรรม ๓ ประการ นี้ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต จักสมาทานอกุศลธรรม ๓ ประการ นี้ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต แล้วประพฤติข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ไม่เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นคุณฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้าที่อยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่าไม่มีความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฐิ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขาดำริว่าโลกหน้าไม่มี ความดำริของเขานั้นเป็นมิจฉาสังกัปปะ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าวว่าโลกหน้าไม่มี วาจาของเขานั้นเป็นมิจฉาวาจา ผู้นี้ย่อมทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ ผู้รู้แจ้งโลกหน้า ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขายังให้ผู้อื่นเข้าใจว่า โลกหน้าไม่มี การให้ผู้อื่นเข้าใจของเขานั้นเป็นการให้เข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม และเขายังจะยกตนข่มผู้อื่น ด้วยการให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ไม่ชอบธรรมนั้นด้วย เขาละคุณคือ ความเป็นคนมีศีลแล้ว ตั้งไว้เฉพาะแต่ส่วนโทษ คือความเป็นคนทุศีลไว้ก่อนเทียว ด้วยประการฉะนี้ อกุศลธรรมอันลามกเป็นอเนกเหล่านี้ คือ มิจฉาทิฐิ มิฉาสังกัปปะมิจาวาจา ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยะ การให้ผู้อื่นเข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม การยกตน การข่มผู้อื่น ย่อมมีเพราะมิจฉาทิฐิเป็นปัจจัยด้วยประการฉะนี้ ฯ
ติดต่อเรา จัดงานทำบุญด้วยพุทธิปัญญาและสัมมาทิฏฐิ
ยินดีให้คำแนะนำและสนทนาธรรมความรู้การทำบุญ ปรึกษาขอบริการจัดงานทำบุญ โปรดจองวันจัดงานล่วงหน้า*
โทรติดต่อได้ทุกวัน 07.00 - 23.00 น. ไม่มีวันหยุด
"คุณวิสิทธิ์ คุณนิรันดร" วิทยากรบรรยายธรรม และ ผู้อำนวยการจัดงานบุญ
มือถือ: 089-813-5885, 082-651-6246
ID line : 0898135885 Email: dechaboon4u@gmail.com QR Code
|